การเลือกรถมือสองในมุมมองของผม โดย อาจณรงค์ เศรษฐีสมบัติ copy

การเลือกรถมือสองในมุมมองของผม                                                                                                               โดย อาจณรงค์ เศรษฐีสมบัติ

ขอเรียนทุกท่านไว้ก่อนนะครับว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงประสบการณ์ของผมเท่านั้นผมอาจจะตั้งกฎเกณท์ไว้ค่อนข้าง สูงและคิดเสมอว่ารถไม่ได้มีคันเดียวต้องหาที่ดีที่สุดถ้าสงสัยคือหยุดทันที ไปหาใหม่เพราะเป็นความหวังและความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่มีต่อผมและผมจะดู ตามความคิดของผมและให้ผู้ซื้อเป็นคนคุยกับคนขายและผมจะไม่พูดหรือตอบคำถาม ใดๆทั้งสิ้นให้ดูเหมือนพวกรับจ้างดูรถทั่วๆไปและผมจะให้ผู้ซื้อเลือก ไว้2หรือ3คันซึ่งผมจะไล่ดูตามลำดับ เมื่อก่อนผมเคยรับดูรถมือสองโดยไม่คิดค่าตอบแทน(ตามแต่จะให้ส่วนใหญ่ก็จะ เป็นข้างหนึ่งมื้อ)แต่ก็จำไม่ได้ว่าดูไปทั้งหมดกี่คัน อันนี้ของฟรีใครๆก็ชอบตอนหลังอยากทำเป็นอาชีพเหมือนกันแต่เนื่องจากฟรีมา ตั้งแต่ต้นก็เลยลำบากใจสุดท้ายก็ดูให้เฉพาะที่ขับมาให้ดูที่บ้านเท่านั้น (((อาจณรงค์ เศรษฐีสมบัติ))) —-กันcopy

–        เมื่อผมเดินทางไปถึงสถานที่ที่รถคันที่เขาจะให้ดูให้จอดอยู่ผมก็จะเริ่มดู จากสภาพภายนอกก่อนโดยเคาะตัวถังรอบๆรถว่าเป็นเสียงของเหล็ก(เสียงแก๊งๆ ใสๆ)หรือว่าเป็นเสียงทึบๆ(ปุ๊คๆ)ของสีโป๊วถ้าเป็นจุดที่ไม่สำคัญและบริเวณ ไม่กว้างเช่นแก้ม ด้านข้าง ด้านท้ายหรือประตูก็ถือว่ายังยอมรับได้(อันนี้เป็นเรื่องปกติการที่จะไม่ เฉี่ยวไม่ชนเลยเป็นไปได้ยากมาก)แต่ถ้าเจอด้านข้างหรือด้านหน้าเป็นหรือด้าน ท้ายหรือหลังคาที่เป็นบริเวณกว้างผมก็จะไม่สนใจรถคันนั้นทันที

–        ถ้ายอมรับได้ก็จะมาดูเรื่องสีรถว่ามีสภาพเรียบร้อยแค่ไหน ชนิดของสีที่ใช้ที่ใช้ต่างกันหรือไม่(สีธรรมดา-ลูไซด์-สีเกร็ด)มีตรงไหนที่ พื้นสีเข้ม-ซีดแตกต่างกันโดยจะเน้นไปที่สีของฝากระโปรงเทียบกับแก้มทั้งสอง ข้างถ้าสีไม่เหมือนกันแสดงว่ามีการทำสีมา(อาจจะจากการชนหรือไม่ก็ได้)จาก นั้นจะนำทั้งหมดไปเทียบกับหลังคาและฝาท้ายแต่จะเน้นที่หลังคาเพราะ ถ้าหลังคาถูกทำสีที่เกิดจากการชนคือการชนที่รุนแรงมากหรือคว่ำมาไม่น่าคบ แน่ๆอันนี้จะดูที่ขอบยางของกระจกหน้าและกระจกหลังถ้าทำสีมาสีจะแตกตรงมุมขอบ ให้เห็น ดูความสม่ำเสมอของขอบประตูด้านบน-ล่างว่ามีเอียงหรือบิดหรือต่ำๆสูงๆหรือไม่ ทั้งสี่บานถ้าพบตรงจุดนี้ก็จะหยุดเช่นกันยิ่งถ้าเจอประเภทสาดสีมาทั้งคันผม จะไม่สนใจรถคันนั้นเลย

–        ถ้าผ่านจุดนี้ผมก็จะเปิดดูที่ห้องโดยสารผมจะเปิดพื้นให้ถึงพรมชั้นล่างสุด โดยเฉพาะตรงที่พักเท้าด้าหน้าทั้งสองข้าง(ข้างหลังไม่เน้นมาก)และจะดมดูจะ ต้องไม่มีกลิ่นอับของความชื้นเหมือนซักผ้าตากไว้ในร่มเพราถ้ามีเป็นไปได้ว่า ระบบแอร์รั่ว-มีการผุของเหล็กที่ผนังกั้นห้องโดยสารกับห้องเครื่อง-มีการ รื้อหรือยกเครื่องออกจากตัวรถแล้วประกอบไม่ดีจนมีน้ำรั่วเข้ามาได้(อาจจะ ซ่อมหรือชนมา)เชื่อไหมบางคันเจอน้ำใต้พรมเลยก็มี ถ้าเจอก็หยุดเช่นกันอันนี้ไม่มีข้อแม้

–        ถ้าผ่านก็จะดูขอบกระจกหน้า(ดูจากข้างใน)อาจจะต้องถอดขอบออกถ้าเป็นกระจกจาก โรงงานจะต้องไม่มีเศษซิลิโคนให้เห็นและขอบทุกด้านต้องแนบสนิท(ถ้าเป็นรถรุ่น ใหม่ๆจะดูที่ยี่ห้อทุกบานต้องยี่ห้อเดียวกัน)ถ้ามีเศษซิลิโคนหรือกระจกแนบ ข้างแต่อีกข้างโด่งอันนี้ก็แสดงว่าเคยเปลี่ยนกระจกหน้ามา(ไม่ว่าด้วยเหตูใด ก็ตาม)ผมก็จะหยุดเช่นกัน

–        ถ้าผ่านก็ดูต่อคราวนี้ก็บิดสวิทช์กุญแจดูสัญญานเตือนต่างๆต้องติดครบแล้วก็ สตาร์ทเครื่องดูสัญญานเตือนทุกตัวต้องทำงานตามปกติถ้าไม่ก็ดูอีกทีว่ารับได้ หรือเปล่า(เช่นรูปแบตเตอรี่อาจเป็นไปได้ถ้ารถจอดนานจนแบตหมดก็จะเก็บความ สงสัยไว้ก่อน)จากนั้นก็จะเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีในรถทั้งหมดตัวไหนทำงานไม่ทำ งานก็จำไว้และจะค้างไฟหน้าไว้ที่ไฟสูงเปิดแอร์แรงสุด แล้วค่อยเปิดกระโปรงหน้า (((อาจณรงค์ เศรษฐีสมบัติ))) —-กันcopy

–        มาดูที่ห้องเครื่องในส่วนนี้ค่อนข้างเน้นมากถ้าเจอตรงไหนจะหยุดทันทีอันแรก ก็เปิดฝาหม้อน้ำทิ้งไว้(บางรุ่นไม่มีก็เปิดที่พักน้ำแทน)จากนั้นก็เริ่มฟัง เสียงและใช้มือกับที่ตัวเครื่องดูการสั่นเสทือนที่จะบอกถึงความเรียบของ เคื่องยนต์ในรอบเดินเบาต้องไม่มีการกระตุก การสั่นต้องต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ(ไม่ใช่สั่นบ้างหยุดบ้าง) ฟังเสียงสายพาน-ลูกรอก-พัดลมต้องไม่ส่งเสียงเจี้ยวจ้าวเกินพอดี ดูขอบห้องเครื่องด้านหน้า-ซ้าย-ขวาต้องมีร่องรอยของจุดสป็อตของการอาร์ค ไฟฟ้าที่ใช้ในการประกอบ(เป็นหลุมที่มีระยะห่างเท่าๆกันถ้ามีการชนสีโป๊วจะ อุดรอยพวกนี้เป็นเรียบหมด) (((อาจณรงค์ เศรษฐีสมบัติ))) —-กันcopy

–        จากนั้นก็จะดูชุดโคมไฟหน้าว่าเรียบเสมอกับกับไฟเลี้ยวหรือเปล่ามีการปรับ เอียงไว้หรือไม่ถ้าเอียงก็ปรับให้ตรงและเสมอเป็นปกติซะแล้วเดินไปด้านหน้า ห่างจากรถประมาณ 10-15เมตรแล้วหันมาดูไฟหน้ารถ(ที่ผมเปิดทิ้งไว้ที่ไฟสูง)สังเกตุไฟทั้งสอง ข้างจะต้องมีความสูงที่ใกล้เคียงกันถ้าสูงข้างต่ำข้าง(อันนี้ก็เหมือน ตอนกลางคืนที่บางครั้งเราขับสวนคันอื่นไฟข้างนึงสูงอีกข้างนึงต่ำ)แต่ผมได้ ปรับโคมให้เสมอกันแล้วอันนี้ร้อยทั้งร้อยบอกได้เลยชนด้านหน้าหรือเฉียงๆข้าง ใดข้างหนึ่งมาหลีกให้ห่าง (((อาจณรงค์ เศรษฐีสมบัติ))) —-กันcopy

–        ถ้าผ่านก็กลับมาที่รถดึงสายคันเร่งๆเครื่องดูว่าเร่งดีหรือไม่ต้องไม่มี สดุดหรือสำรักน้ำมันและเสียงแขกของวาล์ว(แก๊กๆ)ต้องไม่ดังจนน่าเกลียด ตอนนี้เครื่องร้อนแล้วก็จะมาดูน้ำหม้อน้ำหรือหม้อพัก(ที่เปิดฝาทิ้งไว้แต่ที แรก)การไหลวนต้องไม่มีฟองอากาศ(ยิ่งเร่งเครื่องฟองยิ่งใหญ่ขึ้น)ถ้ามีแสดง ว่าเครื่องเคยโอเวอร์ฮีตมาจนฝาสูบโก่งไม่ควรคบ ถ้าผ่านก็จะก้มดูด้านล่างว่ามีน้ำแอร์หยดอย่างสม่ำเสมอดี(ถ้าไม่มีหยดเลยก็ ไม่เอา)และต้องไม่มีอย่างอื่นหยดนอกจากน้ำแอร์จากนั้นก็ไปปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่เปิดไว้แล้วดับเครื่องที่สำคัญคือระหว่างที่เช็คอยู่ถ้าคนขายไปดับ เครื่องผมก็จะไม่ดูต่อเช่นกัน(แสดงว่าต้องการปกปิดบางอย่าง)แล้วก็มาดูรอย รั่วของน้ำตามท่อน้ำหรือน้ำมันในระบบว่ามีใหม่ๆออกมาตรงไหนบ้าง(อันนี้พอรับ ได้บ้างแต่เก็บข้อมูลไว้)ดูตามจุดประกบต่างๆเช่นฝาครอบวาล์ว-เครื่อง-หัว เกียร์ว่ามีร่องรอยของสารซีลป้องกันรั่วหรืไม่(สีส้มหรือสีขาว)ถ้ามีก็แสดง ว่าจุดนั้นๆมีการถอดซ่อมมาแล้ว(เก็บเป็นข้อมูลไว้)รอซักพักแล้วก็มุดดูพวก ลูกยางกันฝุ่น-กันโคลง-ยางหุ้มเร็คพวงมาลัยว่ามีจุดไหนชำรุดเสียหายหรือ จาระบีรั่วหมดบ้าง(พอรับได้ก็เก็บข้อมูลไว้)จากนั้นก็ปิดฝาหม้อน้ำหรือหม้อ พักเช็คระดับของเหลวทุกอย่างเช็คการยุบตัวของโช้คต้องไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป และต้องไม่มีเสียงกระทบกันของเหล็ก(เก็บข้อมูลไว้) จากนั้นก็ทดลองขับ(ถ้าไม่ให้ลองขับก็หยุดเช่นกัน)ดูความสม่ำเสมอของอัตรา เร่งต้องไม่กระตุก รอบเครื่องกับความเร็วต้องสัมพันธ์กันไม่ใช่รอบสูงแล้วแต่รถไม่วิ่งก็ใช้ไม่ ได้ พยามหาถนนที่โล่งอัดและลากเกียร์ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ที่ดีที่สุดคือ ต้องไม่มีการสดุดของเครื่องเลยและการสับเปลี่ยนเกียร์(ธรรมดา)จะต้องลื่น เข้าง่ายไม่มีเสียงโครกครากให้ได้ยินอันหมายถึงความเสื่อมสภาพของครัทช์หรือ ครัทช์ที่เคยไหม้มาก่อน จากนั้นก็รักษาความเร็วไว้ที่100-120แล้วเบรคแรงๆที่ดีต้องไม่มีเสียงเอี๊ยด อ๊าด-อาการปัด-พวงมาลัยสั่น-รถสั่นทั้งคันต้องไม่มีให้เห็นถ้าเล็กน้อยก็ไม่ เป็นไรพอรับได้(เก็บข้อมูลไว้) ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ก็จะเบรคจนรถหยุดเลยเครื่องต้องไม่ดับด้วยจากนั้นผมก็จะ เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันหาที่โล่งหมุนพวงมาลัยซ้าย-ขวาสุด(ทีละด้าน)แล้วเร่ง เครื่องออกตัวแรงๆต้องไม่มีเสียงก๊อกๆแก๊กๆของเพลาหรือลูกหมาก(ถ้ามีก็เก็บ ข้อมูลไว้) (((อาจณรงค์ เศรษฐีสมบัติ))) —-กันcopy
ตลอกเวลาที่ลองขับ ที่หน้าปัดต้องไม่มีสัญญานอะไรกระพริบขึ้นมาและเกร์ความร้อนต้องนิ่งประมาณ กลางๆ(หรือที่ใดที่หนึ่ง)โดยไม่เลื่อนขึ้นลงจึงจะถือว่าเยี่ยม เมื่อออกจากปั๊มมาก็จะมองหาหมู่บ้านจัดสรรเจอปุ๊บก็เลี้ยวเข้าไปเลยหาช่อง ที่มีเนินปูนต์กันรถวิ่งเร็วหรือแมงกะไซค์แล้วจะอัดประมาณ60ลุยทดสอบช่วง ล่างซัก2-3จุดเพื่อทดสอบช่วงล่างจะต้องไม่มีเสียงดังของเหล็กกระทบกันให้ได้ ยินแต่ถ้าเป็นเสียงทึบๆของโช้คหรือสปริงก็ปกติ ในระหว่างการทดลองขับ(ผมจะไปกับผู้ขายเท่านั้นให้ผู้ซื้อคอยที่เต็นท์หรือ ที่บ้านของผู้ขาย)ถ้ามีการเสนอเงินให้ผมเพื่อให้เชียร์รถของเขาจนขาย ได้(เพราะเขาคิดว่าผมเป็นพวกรับจ้างดูรถทั่วๆไป)ผมก็จะเลิกสนใจรถคันนั้น ทันทีเช่นกัน(เคยมีเสนอให้ต่ำสุด5พันและสูงสุด2หมื่น) จากนั้นก็เอารถไปคืนแล้วลงจากรถมาดูสภาพของยางว่าจะยังสามารถใช้งานต่อไปได้ มากน้อยเพียงใด(เพื่อเป็นข้อมูล)ถ้ายางมีกลิ่นเหม็นไหม้หนือสึกแบบดำอย่าง เห็นได้ชัดและกดดูที่ดอกแข็งๆ(ทั้งที่ยังร้อนอยู่)แสดงว่าหมดสภาพเพราะถึง แม้จะไปเซาะร่องยางมาการวิ่งดังกล่าวจะแสดงผลทันที จากนั้นก็กลับออกไปดูคันที่สองและที่สามตามลำดับ(บอกว่าขอเวลาคิดก่อนอย่า หลงกลวางเงินมัดจำโดยเด็ดขาดขายได้ก็ให้เขาขายไป)เมื่อครบแล้วก็กลับ บ้าน(อันนี้ผมกลับจริงๆนะครับ)แล้วก็มาสรุปให้ผู้ซื้อฟังว่าแต่ละคันเป็น อย่างไร ซื้อมาต้องซ่อมอะไร ใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่คันไหนน่าสนใจที่สุดตามลำดับหนึ่งสองสามแล้วให้ผู้ ซื้อไปตัดสินใจและไปต่อรองราคากันเอาเองผมไม่เกี่ยว(แต่ทุกคันที่ผมไปดูให้ ผมรับประกันซ่อมให้ด้วยตลอดอายุการใช้งานและผมจะให้เครดิตกับเต็นท์ที่มีการ รับประกันหลังการขายเป็นลายลักษณ์อักษรสูงกว่าเต็นท์ทั่วๆไป) และขอย้ำว่าการดูรถบ้านสำหรับผมจะใช้วิธีการโทรถามสถานที่หรือเลขที่บ้าน ก่อนแต่จะนัดดูรถในอีก5-7วันหรืออาจจะยังไม่นัดเลยจากนั้นผมจะไปหาบ้านหรือ สถานที่ดังกล่าวจนเจอแล้วจะซุ่มดูอยู่1-2วันต้องขับตามดูการใช้งานและสภาพ ที่พอดูได้จากระยะไกลด้วยผมจะเลือกเฉพาะรถที่มีการใช้งานอยู่เท่านั้น ถ้าเจอแบบคลุมผ้าหรือจอดทิ้งไว้ก็ไม่เอาครับหรือบางทีขับตามไปเจอเลี้ยวเข้า อู่อันนี้ก็ไม่เอา หาบ้านไม่เจอก็ไม่เอา นัดนอกสถานที่ก็ไม่เอา ยิ่งเป็นเบอร์บ้านยิ่งเช็คง่ายถาม 13(เดี๋ยวนี้เป็น 1133 แล้ว)ถามหาชื่อเจ้าของบ้านของเบอร์นั้นๆว่าตรงกับเจ้าของรถหรือไม่บางทีก็ ไม่ตรงกันก็ไม่เอา(อาจจะมีเต็นท์มาเช่าหน้าบ้านขาย) ดังนั้นการดูรถบ้านสำหรับผมแล้วจะยากกว่าการดูรถเต็นท์ครับเพราะดูได้แค่ อาทิตย์ละไม่เกิน 2 คันทั้งหมดที่เล่ามาเป็นเพียงคร่าวๆ(แค่นี้ก็ยาวมากแล้ว)ยังมีรายละเอียดปรี กย่อยอีกมากพอดูเหมือนกันครับแต่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ขอย้ำอีกครั้งว่ามัน เป็นกฏที่ผมสร้างขึ้นมาเองอาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ครับไม่จำเป็นต้องเชื่อครับ เพราะ ปล.เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวครับ

บทเรียนสอนเรา นโบายเพื่มเติม

แม้เราไม่ได้บวกกำไรจากลูกค้า ซักเม่าไหร่แต่ถ้าของเราสั่งถูกกินหัวคิวมันก็คงแพงสำหรับลูกค้าอยู่ดี ต่อไปต้อง direct buy

เพื่อลดต้นทุนให้ลูกค้า

อีกอย่างแม้เราจะรวมเวลาทำงานแล้วแต่ควรใช้เวลาแบบมาตร และแตกแจงให้เขาทราบ